กลอน อาลัยแม่เคน วรสาร




แม่เคน วรสารสิ้นไปคนเดียวเช่นเดียวกับผู้สนับสนุนๆ

ส่วนญาติพี่น้องต่อเนื่องกันที่ส่วนหนึ่งมาจากบ้านหนองสวงกาฬสินธุ์นั่งทานอาหารช่วงที่มาเยี่ยมชมรอดูใจยายอยู่นั้น ยายเคนหรือแม่เคน วรสารทุกท่านก็ได้จากเราไปด้วยอาการอย่างอินเวอร์เตอร์ตามปกติ มาพบกับท่านก็สิ้นชีวีไปแล้ว  


อนิจจาสังขาร ไม่เที่ยงหนอ

มีเกิดก่อน พังแจ๊บ บุบสลาย

เมื่อเกิดแล้วไม่จีรังพังทะลาย

การดับสังขาร นันสุขจริง


ครั้งหนึ่งหนอกายนี้ จักนนอนนิ่ง

ร่างกายจะทิ้งตีนลงแคร่ นอนแผ่นหรา

บนกองซากกากดินถิ่นพสุธา

ปราศวิญญาณ์ ดุจท่อนไม้ ไร้คนชม


พฤกษา- กาสสร Square กุญชรัญปลดปลง

โททนต์ เสน่งห์คง สิ่งสำคัญในกายมี

นรชาติคงวายมลายทั้งอินทรีย์

สถิตย์ทั่วๆ ไป แต่บางทีก็ดีตลอดไปตลอดไป ในโลกา


ขอให้ดวงวิญญาณของยายเคน วรสารจงทำตามสัมปรายภพ ภูมิสงบันตนเนเต้ญขอเชิญโปรดทุกท่านยืนไว้อาลัยแก่คุณยาย เคน วรสารสืบมรดกไม่เกิน 5 นาที


……………………………..

พระมหาทองสมุทร ธมฺมาทโร พระลูกชายเรียบเรียง, เขียนประวัติ

ณ แลนดัลประทุน สำหรับเรื่องราวในอเมริกา

๒๑ กุมภาพันธ์พฤหัสบดี๖๖เริ่มเขียนเวลา๑๔.๑๖ในใจ



เผาศพแม่แต่มาไม่ทัน (อีกแล้ว) ล่าสุดพ่อเสียมาไม่ทัน



รู้สึกถึงบรรยากาศ งานเผาแม่ อึ้งแน่นอก

สุดรันรดสะท้อนจิตคิดถึงพ่อ

ตอนที่พ่อจากมาไม่ทัน...

แม่คงรอลูกก่อนที่จะไป


เราจะเห็นว่าพระวางสมุนไพรจันทราลงไปได้อย่างไรห่อ

ไม่จำเป็นต้องรอลูกนะแม่หนาไม่จำเป็นอีกต่อไป...

ทุกอย่างไปตัดตัดอเดล

ขอฝากไฟช่วยเผาร่างของท่านไปดี


น้ำตาซึม ฝืนแต่งกลอน สะท้อนจิต

ลูกไม่ได้แม่จะจากพระรากนี้

เริ่มเห็นแม่นอนสู้ร่างกายดี

ไม่ได้มีท่าทีที่จะไป


แต่คราวนี้แม่คงไม่อยากทนสุด ๆ

กลั้นรักษาความร้อนสุดห้ามได้

สุดจะยั้งจะอั่งถึง

ปีธัยแม่นั้นหมดกฎเกณฑ์


แม่เข้าใจธรรมะ

ปล่อยให้ชีวีโรคบีทาค้นหาจุดประสงค์

เป็นไปตามพระไตรลักษณ์ทองคำตรง

ท่านจึงปลงสังขารในเรื่องสำคัญ


เป็นสิ่งที่ตายไม่ได้ สร้างภูมิพิภพ

ทางซูปเปอร์จุติมิอาจห้ามได้

ท่านผู้กำหนดสติดูและรู้ตาม

ข้ามขวากกรามนิวรณ์ได้สอนเราแล้ว


จงไปดีเถิดหนากว่านี้ลูก

แม่ถึงทุกข์แล้วหนาอย่าเศร้าเสียใจ

ยังคงอยู่ร้อยต่อไป รอยดังเงา

สอนพวกเราทำอย่างท่านอัตโนมัติไป


เหลือแต่เพียงคำกลอนผู้ปกครองสอนลูก

เหลือเพียงฟูกมุ้งหมอนกลอนให้กับ

เหลือเพียงร้อยโศกเศร้าโศกอาลัย

เหลือเพียงใจที่จะอยู่สู้อดทน


เหลือความทรงจำของคำร่ำร้องของแม่ที่แกฝาก

เหลือเพียงซากเศษซากนี้ธุลีผล

เหลือเพียงตัดอาลัยใจวกวน

เหลือเพียงทนที่จะสู้อยู่ต่อไป


เหลือฟันปลอดของแม่แกเคยฝาก

เหลือรอยจากที่ยังหนุนไอให้

เหลือึวามเคว้งคว้าจิตสำนึกอาลัย

เหลือความใสภาพฝากลูก อยู่ทุกข์ทน


เหลือภาพแม่หลายตอนเพื่อสอนลูก

ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป

เหลือเพียงคำร้องคำวอน ​​สอนทุกคน

เหลือความทนที่ฟังชัดเจนมา


สุดสจะพร่ำเพลงมาแต่งกลอน

สุดจะถอนอาลัยไจหนา

สุดจะเค้น เอ่ยคำรามคำราม

สุดฟิน เอ่ยคำมาพร่ำอาลัย



โดฮาแขกบินได้ในความผิดกระฉอก

จะต้องติดตามชีวีไหน

หลังจากที่เครื่องจะลงตรงถึงไทย

เพื่อไปงานศพแม่ที่แกรอ
























































































................................................ .

“โยมแม่เอ๋ย” เครื่องจะลงแล้วววว  แต่งบนเครื่องบิน



แต่งกลอนต่อวันที่ ๑๓ พ.ย. ๖๖


มาไม่ทันงานศพแม่แกรอเก้อ

คิดว่าจะเจอปลายปีนี้นานงานศพพ่อ

ปีสามเพลงครานั้นหนอท่านพ่อรอ

ส่วนท่านท้องอืดพรากจำจากไป


เชิญผู้จัดงาน อาจารย์ปิยะ

ท่านเป็นพระบริหารประสานให้

โชคดีท่านหยุดนั้นอยู่ในประเทศไทย

บุญส่งให้โยมแม่แกไปดี


กราบอาจารย์อาจารย์มางานแม่

ในส่วนของแกแม่ดีใจตื่นเต้น

พระล้นหลาม งานแม่ไป ในอัคคี

คนมีพระมากมายมากมายในงานนี้


ทั้งจากไทยต่างประเทศเขตอเมริกา

จะช่วยมาช่วยเหลือประสาน

เมตตาจิตเช่นเดียวกันกับอาจารย์อาจารย์
ที่ต้องไปงานกวีทวี


โยมญาติปราชญ์ทุกท่าน

ไปร่วมงานโยมแม่แกนี้

ประทับใจในคุณความดี

ทุกคนมีไม่ให้โยมแม่แกมากมาย

...............................




หมายเหตุ  

ฌาปนกิจศพแม่ ๒๒ ก.พ.๖๖  

เก็บกระดูกเช้า ๒๓ ก.พ.  

นำมาซึ่งบ้านทำบุญอุทิศเลยทุกวันๆของวันที่ ๒๓ ก.พ.

 ๒๔ ก.พ. ทำบุญเลี้ยงพระจำนวน ๑๐ รูป (อีสานเรียกว่าทำบุญหงายพาข้าว) 

พฤหัสบดี ก.พ. ๖๖เรียอัฐิโยมแม่,โยมพ่อ และหลานๆเข้าธาตุ บังสุกุลให้ที่วัดพุทธคุณาราม ในอำเภอวังสามหมอ

ธาตุ(เจดีย์)โยมแม่เคน จะสามารถไปที่กำแพงวัดด้านหน้าของหอระฆังไปได้เลย กุฏิของอดีตเจ้าอาวาส ( อาจารย์ต้อม)


ญาติๆ ของมันต้องการที่จะไปนับถือเจดีย์(ธาตุ) ของแม่เคนโดลเชิญได้ตั้งใจให้เป็นธาตุประจำตระกูลของแชมพูแม่เคนตลอดไปตลอดไปที่ต้องเสียชีวิตก็เอากระดูกเพิ่มได้และอาจเสียเงินซื้อธาตุบ่อยๆ


โอเคนะ  

(ข้อมูลเพิ่มเติม กลอนทั่วไป ๑๓ พ.ย. ๖๖ เวลาตีห้าสิบหกนาทีที่วัดโปรดเกศอเมริกา)





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น